๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ สำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช
กรมวิชาการเกษตร จัดประชุมปรึกษาหารือหาข้อสรุปกับปัญหาแมลงสัตรูพืชที่ถูกแจ้งเตือนมาจากสหภาพยุโรป
ในปี ๒๕๕๖ ถึงเดือนกุมภาพันธ์ พบหนอนแมลงผลไม้ใน ฝรั่ง ๑๑ ครั้ง ชมพู่ ๙ ครั้ง
และมะม่วง ๑ ครั้ง สหภาพยุโรปแจ้งให้หามาตรการแก้ไข
มิฉะนั้นอาจจะเป็นเหตุให้ผลไม้ทั้ง ๓ ชนิด เข้าสู่มาตรการห้ามน้ำเข้าหากตรวจพบ ๕ ครั้งภายใน
๑ ปี เป็นประเด็นหลักในการประชุมในวันนั้น
กรมวิชาการเกษตรในฐานะผู้รับผิดชอบควบคุมดูแลมาตรการระหว่างรัฐกับสหภาพยุโรป
จึงจัดประชุม ผู้ประกอบการ โรงคัดบรรจุ และกลุ่มเกษตรที่รวมตัวเป็นโรงคัดบรรจุ หาทางออกและแนวทางการแก้ไข
ผลไม้ทั้งสามชนิดให้สามารถปฏิบัติในเชิงพาณิชย์ได้
ผลไม้ทั้ง
๓ ชนิดถูกหยิบยกมาพูดคุยในการประชุมหลายครั้ง พยายามหาทางแก้ไขมาอย่างต่อเนื่อง
สมาคมผู้ประกอบการพืชผักผลไม้ โดยคุณพจน์ เทียมตะวัน
ในฐานะนายกสมาคมได้แจ้งเตือนผู้ประกอบการที่ส่งสินค้าผลไม้ทั้ง ๓ ชนิดโดยเฉพาะประเทศที่มีความเข้มงวดให้เพิ่มความระมัดระวังมาอย่างต่อเนื่อง
แต่แนวทางโดยภาพรวมอาจจะถูกนำเข้าสู่มาตรการ ELได้หากยังไม่หาแนวทางแก้ไขร่วมกัน
หลังจากการประชุมในวันนั้น
ได้ข้อสรุปชัดเจนว่า จะไม่นำเข้าสู่ระบบ EL เป็นครั้งแรกที่แนวทางแก้ไข ผ่านขบวนการขอความคิดเห็นจากผู้ประกอบการ โรงคัดบรรจุ
และกลุ่มเกษตรกร ที่มีความเห็นตรงกันว่า ELเป็นมาตรการที่มีหลักการและเหตุผลที่ดี
แต่ไม่สามารถปฏิบัติในเชิงพาณิชย์ได้
ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ยกมือสนับสนุนคัดค้าน
การนำผลไม้ทั้ง ๓ ชนิดเข้าสู่มาตรการควบคุมพิเศษ EL คำถามที่ตามมาคือ แล้วมีมาตรการอะไรมารองรับกับปัญหาที่จะเกิดขึ้น
ในขณะที่แนวโน้มในการตรวจพบศัตรูพืชในผลไม้ทั้ง ๓ ชนิด เพิ่มมากขึ้น เมื่อครบ ๑ ปี
หากปริมาณยังพบมากขึ้น อาจจะนำไปสู่มาตรการห้ามนำผลไม้ดังกล่าวเข้าสหภาพยุโรปเมื่อตรวจพบปลายทาง
๕ ครั้ง และมาตรการ EL อาจถูกนำมาใช้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การตั้งประเด็นคำถามต่อปัญหาที่เกิดขึ้น
ถูกนำเสนอในหลายรูปแบบ แต่รูปแบบที่สามารถนำมาใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรมในเชิงพาณิชย์ได้
โดยสรุปแยกผลไม้ ๓ ชนิดที่เป็นแนวทางในการปฏิบัติดังนี้
ฝรั่ง
และชมพู่ ปัญหาพบหนอนแมลงผลไม้บ่อยครั้ง สืบเนื่องจาก ผลไม้ทั้งสองชนิดเกษตรกรห่อผลยังไม่ถูกวิธี
แมลงผลไม้สามารถเจาะและวางไข่ได้ ดังนั้น การปรับปรุงแก้ไขที่สามารถนำมาใช้ได้นั้น
โดยใช้มาตรการเดียวกันกับกรณีปัญหาที่พบแมลงผลไม้ในชมพู่และฝรั่งที่ส่งออกไปยังประเทศมาเลย์เชีย
และถูกห้ามนำเข้า เกษตรกรจำนวนมากที่ผลิต และส่งขายตลาดดังกล่าวเดือดร้อน
ภาครัฐจึงหาแนวทางการแก้ไข โดยกำหนดให้เกษตรกรที่มีศักยภาพที่มีโรงคัดบรรจุ รวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อพัฒนาระบบการผลิต
และให้เป็นไปตามมาตรฐานการผลิต และโรงคัดบรรจุของกรมวิชาการเกษตร สร้างเป็นรูปแบบที่ชัดเจน
ดำเนินการโดยกลุ่มเกษตรกรที่รวมกลุ่มกันเอง และเสนอกรมวิชาการเกษตรให้ตรวจรับรองมาตรฐาน
จนในที่สุดเป็นยอมรับของผู้นำเข้า ชมพู่ และฝรั่ง
ของกลุ่มเกษตรกรดังกล่าวจึงถูกนำมาเป็นรูปแบบที่สามารถนำมาใช้ได้ในเชิงพาณิชย์
ด้วยเหตุผล ง่าย ๆ ตามตรรกะของการดำเนินธุรกิจร่วมกัน ๓ ประการ คือ
1. รวมกลุ่มเกษตรกันเอง
เพื่อพัฒนาผลผลิตให้ตรงตามความต้องการของตลาด และพัฒนาโรงคัดบรรจุให้เป็นไปตามมาตรฐานของกรมวิชาการเกษตรที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
โดยที่ผู้ประกอบการไม่ต้องดำเนินการและเข้าไปดูแลรับผิดชอบ
2. กลุ่มเกษตรกร
สามารถกำหนดราคา และรับรองสินค้าโดยจดทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตรโดยตรงและสามารถขายให้กับผู้ประกอบการตามกำลังการผลิต
สามารถวางแผนการขาย ให้สอดคล้องกับการผลิตที่ชัดเจน แน่นอน
3 สามารถวางแผนการผลิต
ขยายพัฒนากำลังการผลิตอย่างมีระบบและสามารถควบคุมให้เป็นไปตาม มาตรฐานกรมวิชาการเกษตร
คู่ขนานกับผู้ประกอบการที่ต้องพัฒนาโรงคัดบรรจุ ให้เกิดความเชี่ยวชาญในการคัดบรรจุไปพร้อมกัน
จากสามประเด็นดังกล่าวกลุ่มเกษตรมีหน้าที่ผลิตภายใต้เงื่อนไขการควบคุมของกรมวิชาการเกษตร
ที่แยกออกจากการดูแลจากผู้ประกอบการ พัฒนาคู่ขนานไปกับผู้ประกอบการ โรงคัดบรรจุ อยู่ภายใต้ระบบที่ควบคุมดูและจากกรมวิชาการเกษตร
และเปิดโอกาสให้สามารถจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการได้หลากหลายเพื่อขยายฐานการผลิตที่ตนเองชำนาญให้เพียงพอต่อความต้องการ
ผู้เข้าร่วมประชุมเห็นดีด้วยกับรูปแบบการผลิต
ที่จะพัฒนาความรู้ ความชำนาญให้กับเกษตรกรโดยตรง เพราะการผลิตสินค้าเกษตร ต้องอาศัย
ความรู้ ความชำนาญ ทักษะ ประสบการณ์ ความตั้งใจ ความมุ่งมั่น ความมั่นคง
และแรงจูงใจ ในการเพิ่มจำนวนและขยายฐานการผลิตอย่างมีคุณภาพ
สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการที่หลากหลาย และมากพอในการลงทุน
ผู้ประกอบการ
โรงคัดบรรจุ มีหน้าที่พัฒนาการบรรจุตามระบบ ให้มีประสิทธิภาพ พัฒนาตลาด การขยายตลาด
บริการหลังการขาย ซึ่งเป็นด่านหน้าที่สำคัญในการขายสินค้าและบริการให้กับประเทศ
และต้องการดูแลเป็นพิเศษในท่ามกลางการแข่งขันจากทั่วโลก
โดยที่ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง ในการพัฒนาแปลงผลิตที่ต้องใช้ทั้งศาสตร์
และทักษะความชำนาญเฉพาะด้าน ในการผลิตให้มีคุณภาพ เหมือนที่เป็น ปัจจุบันรายชื่อโรงคัดบรรจุที่ยื่นขอการรับรองกับกรมวิชาการเกษตร
และสามารถรองรับให้กับผู้ประกอบการ โรงคัดบรรจุ ได้ มี ๔
ราย
1. ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุในนาม
นายเดชาธร ไทยสนธิ สามารถผลิตชมพู่ ๕,๐๐๐ กิโลกรัมต่อวัน และสามารถผลิตฝรั่ง ๔,๐๐๐ กิโลกรัมต่อวัน
รวมปริมาณการผลิตชมพู่และฝรั่งประมาณ ๙,๐๐๐ กิโลกรัมต่อวัน ที่อยู่โรงงาน 57 ม.10 ต.แพงพวย อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี โทรศัพท์ 086-979-6789 โทรสาร 032-365-313
2. บริษัท เอ็น.
ที. เอส. ฟรุตท์ จำกัด
สามารถผลิตชมพู่ ๓,๐๐๐-๕,๐๐๐ กิโลกรัมต่อวัน และสามารถผลิตฝรั่ง ๓,๐๐๐-๕,๐๐๐ กิโลกรัมต่อวัน
รวมปริมาณการผลิตชมพู่และฝรั่งประมาณ ๕,๐๐๐ กิโลกรัมต่อวัน ที่อยู่โรงงาน 43 ม.6 ต.ดอนกรวย อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี โทรศัพท์ 081-848-8475 โทรสาร 02-9920425
3. ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุในนาม
นางประภัสสร สุขเกษม สามารถผลิตชมพู่ ๓,๐๐๐ กิโลกรัมต่อวัน และสามารถผลิตฝรั่ง ๒,๐๐๐ กิโลกรัมต่อวัน
รวมปริมาณการผลิตชมพู่และฝรั่งประมาณ ๕,๐๐๐ กิโลกรัมต่อวันที่อยู่โรงงาน 139 ม.3 ต.ดอนไผ่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี โทรศัพท์ 084-725-4217 โทรสาร 032-245-807
4. ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุในนาม
นายบุรี อยู่แก้ว สามารถผลิตชมพู่ ๓,๐๐๐ กิโลกรัมต่อวัน
และสามารถผลิตฝรั่ง ๓,๐๐๐
กิโลกรัมต่อวัน รวมปริมาณการผลิตชมพู่และฝรั่งประมาณ ๖,๐๐๐ กิโลกรัมต่อวันที่อยู่โรงงาน
258 ม. 2 ต.ดอนกรวย อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี โทรศัพท์ 081-984-6658 โทรสาร 032-253624
หากใครประสงค์ที่จะเป็นผู้ผลิตเพิ่มเติมก็สามารถทำได้
หรือผู้ประกอบการรายใดที่มีขีดความสามารถสร้างกลุ่มเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพ
และเป็นมืออาชีพ ยื่นขอการรับรองจากกรมวิชาการเกษตรก็สามารถทำได้มะม่วง ถือเป็นรูปแบบที่ชัดเจนนานกว่า ๑๕ ปี ดังนั้นกลุ่มมะม่วงถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง
เริ่มต้นจากการถูกปฏิเสธการนำเข้าประเทศญี่ปุ่นเพราะพบสารพิษตกค้างและแมลงศัตรูพืช
จึงมีการพัฒนาและหาทางแก้ไขจากภาครัฐอย่าต่อเนื่อง เกษตรกรมีการรวมกลุ่ม
และเครือข่ายชัดเจน มีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าชัดเจน มีการวางแผนการผลิต การกำหนดราคา การคัดคุณภาพที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ
มะม่วงเป็นตัวอย่างการพัฒนาของกลุ่มเกษตรกรที่มีความมุ่งมั่น
เอาจริงเอาจัง ต้องการแก้ปัญหาที่หลายประเทศมีกฎระเบียบที่แตกต่างกันแต่อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน
นับตั้งแต่ประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นจุดเริ่มต้น เกาหลี จีน สหรัฐอเมริกา เป็นต้น
มะม่วงจึงเป็นรูปแบบที่ผลไม้ต่าง
ๆ สามารถนำมาเป็นต้นแบบในการพัฒนาคุณภาพให้เป็นไปตามเงื่อนไข กระแส
และมาตรการกีดกันทางการค้า สามารถแก้ไขให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ
สามารถต่อสู่กับคู่แข่งขันในตลาดโลกได้ในเชิงพาณิชย์
ปัญหาของมะม่วง
เกิดจากมะม่วงบางชนิดที่ไม่ได้พัฒนาตามรูปแบบตามมะม่วงน้ำดอกไม้ ทั้งทวายเบอร์ สี่
และน้ำดอกไม้สี่ทอง แต่กลับเป็นมะม่วงที่บริโภคในประเทศ และส่งออกบางชนิดที่มีข้อจำกัดในเรื่องรูปลักษณ์
สีสัน เช่น มะม่วงยำ ต้องการมะม่วงอ่อน สีเขียวเข้ม เพื่อไปทำยำ หรือสลัด
ขายในประเทศ และบางส่วนถูกขายไปต่างประเทศ มะม่วงเขียวเสวย ที่ต้องบริโภคสด
ผิวสีต้องเข้ม จึงไม่ห่อผล มะม่วงมหาชนกที่ต้องการสีแดง
มะม่วงทั้งสามชนิดดังกล่าวจึงก่อให้เกิดปัญหา
ที่เป็นปัญหามากคือมะม่วงยำที่เก็บจากนอกห่อ ดังนั้นการแยกชนิด และการควบคุมจากแปลงจึงสามารถทำได้ไม่ยากนัก
ผู้ประกอบการที่ส่งมะม่วงชนิดนี้ และส่งไปประเทศที่เข้มงวด
ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการคัดก่อนบรรจุอย่างละเอียดพิถีพิถัน
เพื่อป้องกันการตรวจพบที่หน้าด่าน และปลายทาง
ฝรั่ง ชมพู่ มะม่วง
สามารถนำมาเป็นรูปแบบแม่บท การแยกส่วนกลุ่มเกษตรกร
พัฒนาคุณภาพให้ตรงกับความต้องการของสหภาพยุโรป ด้วยการสร้างกลุ่มเกษตรกรที่มีทักษะความชำนาญพิเศษเฉพาะด้าน
ภายใต้เงื่อนไขของสหภาพยุโรป และกฎระเบียบของกรมวิชาการเกษตร สร้างเครือข่ายการผลิตที่มีมาตรฐานคุณภาพ
เดียวกัน ขยายฐานการผลิตให้เพียงพอกับความต้องการ ตั้งราคาให้เหมาะสม เป็นรูปแบบกลุ่มเกษตรกร
วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ จัดทำแผนการผลิตให้ชัดเจน ทำคู่ขนานกับผู้ประกอบการ
โรงคัดบรรจุ ที่ต้องพัฒนาระบบ ภายใต้เงื่อนไข และกฎระเบียบของกรมวิชาการเกษตรเช่นกัน
ให้เกิดความสามารถพิเศษเฉพาะด้าน ในการขายผลผลิตที่มีคุณภาพ และบริการ ก่อน
และหลังการขยายแบบมืออาชีพ
เป็นทัพหน้าสร้างรายและประชาสัมพันธ์ให้ประเทศท่ามกลางการแข่งขันของตลาดโลก
สองทางคู่ขนานที่พัฒนาร่วมกัน ชมพู่ ฝรั่ง มะม่วง จึงเป็น Model แก้ไขปัญหา EL ในอนาคตที่รอคอย...
................................................................................................................
ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ยกมือสนับสนุนคัดค้าน
การนำผลไม้ทั้ง ๓ ชนิดเข้าสู่มาตรการควบคุมพิเศษ EL คำถามที่ตามมาคือ แล้วมีมาตรการอะไรมารองรับกับปัญหาที่จะเกิดขึ้น
ในขณะที่แนวโน้มในการตรวจพบศัตรูพืชในผลไม้ทั้ง ๓ ชนิด เพิ่มมากขึ้น เมื่อครบ ๑ ปี
หากปริมาณยังพบมากขึ้น อาจจะนำไปสู่มาตรการห้ามนำผลไม้ดังกล่าวเข้าสหภาพยุโรปเมื่อตรวจพบปลายทาง
๕ ครั้ง และมาตรการ EL อาจถูกนำมาใช้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ฝรั่ง
และชมพู่ ปัญหาพบหนอนแมลงผลไม้บ่อยครั้ง สืบเนื่องจาก ผลไม้ทั้งสองชนิดเกษตรกรห่อผลยังไม่ถูกวิธี
แมลงผลไม้สามารถเจาะและวางไข่ได้ ดังนั้น การปรับปรุงแก้ไขที่สามารถนำมาใช้ได้นั้น
โดยใช้มาตรการเดียวกันกับกรณีปัญหาที่พบแมลงผลไม้ในชมพู่และฝรั่งที่ส่งออกไปยังประเทศมาเลย์เชีย
และถูกห้ามนำเข้า เกษตรกรจำนวนมากที่ผลิต และส่งขายตลาดดังกล่าวเดือดร้อน
ภาครัฐจึงหาแนวทางการแก้ไข โดยกำหนดให้เกษตรกรที่มีศักยภาพที่มีโรงคัดบรรจุ รวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อพัฒนาระบบการผลิต
และให้เป็นไปตามมาตรฐานการผลิต และโรงคัดบรรจุของกรมวิชาการเกษตร สร้างเป็นรูปแบบที่ชัดเจน
ดำเนินการโดยกลุ่มเกษตรกรที่รวมกลุ่มกันเอง และเสนอกรมวิชาการเกษตรให้ตรวจรับรองมาตรฐาน
จนในที่สุดเป็นยอมรับของผู้นำเข้า ชมพู่ และฝรั่ง
ของกลุ่มเกษตรกรดังกล่าวจึงถูกนำมาเป็นรูปแบบที่สามารถนำมาใช้ได้ในเชิงพาณิชย์
ด้วยเหตุผล ง่าย ๆ ตามตรรกะของการดำเนินธุรกิจร่วมกัน ๓ ประการ คือ